แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 2
1.จงอธิบายลักษณะของข้อมูลที่ดีว่ามีองค์ประกอบอะไรบ้าง
ตอบ ข้อมูลที่มีความถูกต้องและเชื่อถือได้ (accuracy) ข้อมูลจะมีความถูกต้องและเชื่อถืได้มากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นกับวิธีการที่ใช้ในการควบคุมข้อมูลนำเข้า และการควบคุมการประมวลผลการควบคุมข้อมูลนำเข้าเป็นการกระทำเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าข้อมูลนำเข้ามีความถูกต้องเชื่อถือได้ เพราะถ้าข้อมูลนำเข้าไม่มีความถูกต้องแล้วถึงแม้จะใช้วิธีการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลที่ดีเพียงใด ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะไม่มีความถูกต้อง หรือนำไปใช้ไม่ได้ ข้อมูลนำเข้าจะต้องเป็นข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบว่าถูกต้องแล้ว ข้อมูลบางอย่างอาจต้องแปลงให้อยู่ในรูปแบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้อย่างถูกต้อง ซึ่งอาจต้องพิมพ์ข้อมูลมาตรวจเช็คด้วยมือก่อน การประมวลผลถึงแม้ว่าจะมีการตรวจสอบข้อมูลนำเข้าแล้วก็ตาม ก็อาจทำให้ได้ข้อมูลที่ผิดพลาดได้ เช่น เกิดจากการเขียนโปรแกรมหรือใช้สูตรคำนวณผิดพลาดได้ ดังนั้นจึงควรกำหนดวิธีการควบคุมการประมวลผลซึ่งได้แก่ การตรวจเช็คยอดรวมที่ได้จากการประมวลผลแต่ละครั้ง หรือการตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์กับข้อมูลสมมติที่มีการคำนวณด้วยว่ามีความถูกต้องตรงกันหรือไม่
ข้อมูลตรงตามความต้องการของผู้ใช้ (relevancy) ได้แก่ การเก็บเฉพาะข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการเท่านั้น ไม่ควร เก็บข้อมูลอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นหรือไม่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน เพราะจะทำให้เสียเวลาและเสียเนื้อที่ในหน่วยเก็บข้อมูล แต่ทั้งนี้ข้อมูลที่เก็บจะต้องมีความครบถ้วนสมบูรณ์ด้วย
ข้อมูลมีความทันสมัย (timeliness) ข้อมูลที่ดีนั้นนอกจากจะเป็นข้อมูลที่มีความถูกต้องเชื่อถือได้แล้วจะ ต้องเป็นข้อมูลที่ทันสมัย ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ใช้สามารถนำเอาผลลัพธ์ที่ได้ไปใช้ได้ทันเวลา นั่นคือจะต้องเก็บข้อมูลได้รวดเร็วเพื่อทันความต้องการของผู้ใช้
2. จงอธิบายองค์ประกอบของระบบฐานข้อมูล พร้อมทั้งยกตัวอย่างระบบฐานข้อมูลที่ใช้ใน
ตอบ องค์ประกอบของฐานข้อมูล ระบบฐานข้อมูลส่วนใหญ่เป็นระบบท ี่มีการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย ในการจัดเก็บข้อมูลโดยมีซอฟแวร์ หรือโปรแกรมช่วยในการจัดการข้อม ูลเหล่านี้เพื่อให้ได้ข้อมูลตาม ผู้ใช้ต้องการ องค์ประกอบของระบบฐานข้อมูล แบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ
1. ฮาร์ดแวร์ ( Hardware )
2. โปรแกรม ( Program )
3. ข้อมูล ( Data )
4. บุคลากร ( People )
5. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน ( Procedures )
3. จงอธิบายประโยชน์ของระบบจัดการฐานข้อมูล
1.ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล
เนื่องจากการใช้งานระบบฐานข้อมู ลนั้นต้องมีการออกแบบฐานข้อมูลเ พื่อให้มีความซ้ำซ้อนของข้อมูลน
ซ้ำซ้อน เนื่องจากความยากในการปรับปรุงข ้อมูล
2.รักษาความถูกต้องของข้อมูล
เนื่องจากระบบจัดการฐานข้อมูลสา มารถตรวจสอบกฎบังคับความถูกต้อง ของข้อมูลให้ได้ โดยนำกฎ
2.รักษาความถูกต้องของข้อมูล
เนื่องจากระบบจัดการฐานข้อมูลสา
เหล่านั้นมาไว้ที่ฐานข้อ มูล ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของระบบจัดกา รฐานข้อมูลที่จะจัดการเรื่องควา มถูกต้อง
ของข้อมูลให้แทน
3. มีความเป็นอิสระของข้อมูล
เนื่องจากมีแนวคิดที่ว่าทำอย่าง ไรให้โปรแกรมเป็นอิสระจากการเปล ี่ยนแปลงโครงสร้างข้อมูล ใน
3. มีความเป็นอิสระของข้อมูล
เนื่องจากมีแนวคิดที่ว่าทำอย่าง
ปัจจุบันนี้ถ้าไม่ใช้ระบบฐานข ้อมูลการแก้ไขโครงสร้างข้อมูลจะ กระทบถึงโปรแกรมด้วย เนื่องจากใน
การเรียกใช้ข้อมูลที ่เก็บอยู่ในระบบแฟ้มข้อมูลนั้น
4. มีความปลอดภัยของข้อมูลสูง
ถ้าหากทุกคนสามารถเรียกดูและเปล ี่ยนแปลงข้อมูลในฐานข้อมูลทั้งห มดได้ อาจก่อให้เกิดความเสีย
4. มีความปลอดภัยของข้อมูลสูง
ถ้าหากทุกคนสามารถเรียกดูและเปล
หายต่อข้อ มูลได้ และข้อมูลบางส่วนอาจเป็นข้อมูลท ี่ไม่อาจเปิดเผยได้หรือเป็นข้อม ูลเฉพาะของผู้
บริหาร หากไม่มีการจัดการด้านความปลอดภ ัยของข้อมูล ฐานข้อมูลก็จะไม่สามารถใช้เก็บข ้อมู
ลบางส่วนได้
5. ใช้ข้อมูลร่วมกันโดยมีการควบคุม
มีการควบคุมการใช้ข้อมูลในฐานข้
ใช้หลายคนได้ กล่าวคือระบบฐานข้อมูลจะต้องควบ คุมลำดับการทำงานให้เป็นไปอย่าง ถูกต้อง เช่น
ขณะที่ผู้ใช้คนหนึ่งกำลังแก ้ไขข้อมูลส่วนหนึ่งยังไม่เสร็จ
DSS คือ DSS เป็นซอฟแวร์ที่ช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการ การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างตัวแบบที่ซับซ้อน ภายใต้ซอฟต์แวร์เดียวกัน นอกจากนั้น DSS ยังเป็นการประสานการทำงานระหว่างบุคลากรกับเทคโนโลยีทางด้านซอฟต์แวร์
ES คือ ES (หรือระบบผู้เชี่ยวชาญ) เป็นระบบสารสนเทศประเภทหนึ่งที่ถูกออกแบบมาให้สามารถคิด/ วิเคราะห์หาคำตอบ สำหรับสถานการณ์ใดๆ
ลักษณะการคิด/ วิเคราะห์ของ ES ได้ถูกจำลอง หรือลอกเลียนแบบมาจาก วิธีการคิด/ วิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ
ระบบประมวลผลข้อมูล (DP)ระบบประมวลผลข้อมูล (Data Processing System : DP) หรือ
เป็นการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการจัดการข้อมูลขั้นพื้นฐาน โดยเน้นที่การประมวลผลรายงานประจำวัน (Transaction) และการเก็บรักษาข้อมูลมักจะทำงานอยู่เฉพาะส่วนหนึ่งส่วนใดของธุรกิจเท่านั้น เช่น ฝ่ายการเงินและบัญชี ฝ่ายผลิต ฝ่ายการตลาด เป็นต้น โดยแต่ละฝ่ายมีการประมวลผลที่แยกจากกัน ข้อมูลจะถูกป้อนและจัดเก็บอยู่ในรูปของไฟล์และไฟล์ต่างๆ จะถูกแก้ไขระหว่างการประมวลผลรายการประจำวัน จากนั้นผลลัพธ์จะถูกแสดงออกมาตามคาบเวลาที่กำหนด เช่น ใบส่งของ หรือ รายงานประจำเดือน
EIS ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง (Executive Information System: EIS) ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง คือ MIS ประเภทพิเศษที่ถูกพัฒนาสำหรับผู้บริหารระดับสูง โดยเฉพาะช่วยให้ผู้บริหารระดับสูงที่ไม่คุ้นเคยกับเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถ ใช้ระบบสารสนเทศได้ง่ายขึ้น โดยใช้เมาส์เลื่อนหรือจอภาพแบบสัมผัส เพื่อเชื่อมโยงข่าวสารระหว่างกันทำให้ผู้บริหารไม่ต้องจำคำสั่ง
คุณสมบัติของระบบ EIS
- มีการใช้งานบ่อย
- ไม่ต้องมีทักษะทางคอมพิวเตอร์สูง
- ความยืดหยุ่นสูงสามารถเข้ากันได้กับรูปแบบการทำงานของผู้บริหาร
- การใช้งานใช้ในการตรวจสอบ ควบคุม
- การสนับสนุนการตัดสินใจไม่มีโครงสร้างแน่นอน
- ผลลัพธ์ที่แสดงจะเป็นตัวอักษร ตาราง ภาพและเสียง รวมทั้งระบบมัลติมีเดีย
- การใช้งานภาพกราฟิกสูง จะใช้รูปแบบการนำเสนอต่างๆ
- ความเร็วในการตอบสนองรวดเร็วทันทีทันใด
DSS กับ MIS ความแตกต่างของระบบ DSS และ MIS
สารสนเทศ (Information) หมายถึงข่าวสารที่ได้จากการนำ ข้อมูลดิบ (rawdata) มาคำนวณทางสถิติหรือประมวลผลอย่ างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งข่าวสารที่ได้ออกมานั้นจะอย ู่ในรูปที่สามารถนำไปใช้งานได้ท ันที
EIS กับ DSSความแตกต่างระหว่าง EIS กับ DSS และ MIS MIS = เน้นการตัดสินใจแบบมีโครงสร้าง (แนวทาง – ตรรก ที่แน่นอน) และใช้ข้อมูลภายในจากระบบ TPS เป็นหลัก จุดมุ่งหมายเพื่อบริหารจัดการ (Supervise) งานของหน่วยปฏิบัติการ ให้บรรลุเป้าหมาย ตามแผนงานที่กำหนดมาโดยผู้บริหา รระดับกลาง ภายใต้งบประมาณ เวลาและข้อจำกัดอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น Production Control, Sales forecasts, financial analysis, และ human resource management เป็นต้น
DSS = เน้นการตัดสินใจแบบกึ่งโครงสร้า ง (Semi structured decision making) มีการใช้ข้อมูลข่าวสารจากระบบ MIS และข้อมูลจากภายนอกบางส่วนมาช่ว ยในการปรับปรุง หรือ กำหนดแผนงานที่จะต้องสนองเป้าหม ายหลักขององค์กรให้มากที่สุด เช่น ระบบ Data miming เป็นต้น
EIS = เน้นการตัดสินใจแบบไร้โครงสร้าง (Unstructured decision making) จุดมุ่งหมายของระบบ EIS คือ ช่วยให้ผู้บริหารมองเห็นแนวทาง ความเป็นไปที่เป็นมา และกำลังจะมีแนวโน้มไปทางใด เพื่อให้สามารถกำหนดนโยบาย เป้าหมาย หลักๆ ขององค์กรให้สามารถธำรงองค์กรไว ้ได้ แข่งขันกับคู่แข่งขันได้อย่างดี ตัวอย่างเช่นระบบ วางแผนกลยุทธ์ Strategic planning เป็นต้น จะเป็นมาตรการสิ่งที่ได้จากการต ัดสินใจของผู้บริหารชั้นสูงที่ใ ช้สั่งการไปสู่ผู้บริหารระดับกล าง เพื่อปรับแผนงานและกระทบถึงผู้บ ริหารระดับต้น
4. จงอธิบายความหมายของระบบสารสนเทศต่อไปนี้ พร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบ
4.1 MIS
4.2 DSS
4.3 ES
4.4 DP
4.5 EIS
4.1 MIS
4.2 DSS
4.3 ES
4.4 DP
4.5 EIS
ตอบ MIS ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (Management Information System) หรือ MIS คือระบบที่ให้สารสนเทศที่ผู้บริหารต้องการ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะรวมทั้ง สารสนเทศภายในและภายนอก สารสนเทศที่เกี่ยวพันกับองค์กรทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งสิ่งที่คาดว่าจะเป็นในอนาคต นอกจากนี้ระบบเอ็มไอเอสจะต้อง ให้สารสนเทศ ในช่วงเวลาที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจในการวางแผนการควบคุม และการปฏิบัติการขององค์กรได้อย่างถูกต้อง(เช่น งบกำไรขาดทุนหรืองบดุล) รายงานตามความต้องการ หรือรายงานตามสภาวะการณ์หรือเหตุผิดปกติ
DSS คือ DSS เป็นซอฟแวร์ที่ช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการ การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างตัวแบบที่ซับซ้อน ภายใต้ซอฟต์แวร์เดียวกัน นอกจากนั้น DSS ยังเป็นการประสานการทำงานระหว่างบุคลากรกับเทคโนโลยีทางด้านซอฟต์แวร์
ES คือ ES (หรือระบบผู้เชี่ยวชาญ) เป็นระบบสารสนเทศประเภทหนึ่งที่ถูกออกแบบมาให้สามารถคิด/ วิเคราะห์หาคำตอบ สำหรับสถานการณ์ใดๆ
ลักษณะการคิด/ วิเคราะห์ของ ES ได้ถูกจำลอง หรือลอกเลียนแบบมาจาก วิธีการคิด/ วิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ
ระบบประมวลผลข้อมูล (DP)ระบบประมวลผลข้อมูล (Data Processing System : DP) หรือ
เป็นการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการจัดการข้อมูลขั้นพื้นฐาน โดยเน้นที่การประมวลผลรายงานประจำวัน (Transaction) และการเก็บรักษาข้อมูลมักจะทำงานอยู่เฉพาะส่วนหนึ่งส่วนใดของธุรกิจเท่านั้น เช่น ฝ่ายการเงินและบัญชี ฝ่ายผลิต ฝ่ายการตลาด เป็นต้น โดยแต่ละฝ่ายมีการประมวลผลที่แยกจากกัน ข้อมูลจะถูกป้อนและจัดเก็บอยู่ในรูปของไฟล์และไฟล์ต่างๆ จะถูกแก้ไขระหว่างการประมวลผลรายการประจำวัน จากนั้นผลลัพธ์จะถูกแสดงออกมาตามคาบเวลาที่กำหนด เช่น ใบส่งของ หรือ รายงานประจำเดือน
EIS ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง (Executive Information System: EIS) ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง คือ MIS ประเภทพิเศษที่ถูกพัฒนาสำหรับผู้บริหารระดับสูง โดยเฉพาะช่วยให้ผู้บริหารระดับสูงที่ไม่คุ้นเคยกับเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถ ใช้ระบบสารสนเทศได้ง่ายขึ้น โดยใช้เมาส์เลื่อนหรือจอภาพแบบสัมผัส เพื่อเชื่อมโยงข่าวสารระหว่างกันทำให้ผู้บริหารไม่ต้องจำคำสั่ง
คุณสมบัติของระบบ EIS
- มีการใช้งานบ่อย
- ไม่ต้องมีทักษะทางคอมพิวเตอร์สูง
- ความยืดหยุ่นสูงสามารถเข้ากันได้กับรูปแบบการทำงานของผู้บริหาร
- การใช้งานใช้ในการตรวจสอบ ควบคุม
- การสนับสนุนการตัดสินใจไม่มีโครงสร้างแน่นอน
- ผลลัพธ์ที่แสดงจะเป็นตัวอักษร ตาราง ภาพและเสียง รวมทั้งระบบมัลติมีเดีย
- การใช้งานภาพกราฟิกสูง จะใช้รูปแบบการนำเสนอต่างๆ
- ความเร็วในการตอบสนองรวดเร็วทันทีทันใด
5. จงอธิบายความแตกต่างระหว่างระบบสารสนเทศดังต่อไปนี้
5.1 MIS กับ DP
5.2 DSS กับ MIS
5.3 EIS กับ DSS
5.1 MIS กับ DP
5.2 DSS กับ MIS
5.3 EIS กับ DSS
ตอบ MIS กับ DP คือระบบประมวลผลรายการ (TPS) หรือ ระบบประมวลผลข้อมูล(DP)จะใช้แฟ้ มข้อมูลแยกกันเนื่องจากการทำงาน แยกกันในแต่ละฝ่าย เช่น ทำหน้าที่ เกี่ยวกับการรับใบสั่งสินค้าจาก ลูกค้า ประมวลรายการสินค้า บันทึกรายการขาย ดูแลการส่งสินค้า ควบคุมคลังสินค้า และการบัญชี ส่วนระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (MIS) จะใช้ฐานข้อมูลร่วมกันและมีการร วบรวมข้อมูลจากหลาย ๆ ฝ่ายทำให้ MIS มีความยืดหยุ่นในการสร้างสารสนเ ทศให้กับ ผู้บริหารตามความต้องการ
DSS กับ MIS ความแตกต่างของระบบ DSS และ MIS
สารสนเทศ (Information) หมายถึงข่าวสารที่ได้จากการนำ ข้อมูลดิบ (rawdata) มาคำนวณทางสถิติหรือประมวลผลอย่
EIS กับ DSSความแตกต่างระหว่าง EIS กับ DSS และ MIS MIS = เน้นการตัดสินใจแบบมีโครงสร้าง (แนวทาง – ตรรก ที่แน่นอน) และใช้ข้อมูลภายในจากระบบ TPS เป็นหลัก จุดมุ่งหมายเพื่อบริหารจัดการ (Supervise) งานของหน่วยปฏิบัติการ ให้บรรลุเป้าหมาย ตามแผนงานที่กำหนดมาโดยผู้บริหา
DSS = เน้นการตัดสินใจแบบกึ่งโครงสร้า
EIS = เน้นการตัดสินใจแบบไร้โครงสร้าง
อนวัช ธนสีลังกูร เลขที่ 25 2/3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น